ทำความรู้จักประเภทของยางรถยนต์ เพื่อเลือกใช้ให้ถูกวัตถุประสงค์


  คนที่ขับรถยนต์น่าจะรู้ดีกันอยู่แล้วว่า

ยางรถยนต์ถือเป็นอุปกรณ์ที่ทำงานหนักสุด รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการถ่ายทอดผลจากเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้งหลายลงสู่พื้นผิวถนน แถมยังต้องรับน้ำหนักทั้งคันรถอีกเป็นตัน เรียกว่าเมื่อขับรถแล้วจะต้องฝากชีวิตส่วนหนึ่งไว้กับยางเลยก็ว่าได้
  อย่างไรก็ตาม คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้ยางแต่ละเส้นรับหน้าที่ได้ทุกสภาพการใช้งาน ดังนั้นจึงมีการกำหนดประเภทของยางเพื่อให้ได้สมรรถนะสูงสุด ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ดังนี้

- ยาง HT (highway terrain) เป็นยางที่ติดรถมากที่สุด การใช้งานเป็นตามชื่อเลยว่าบนถนนธรรมดาเป็นหลัก ให้สมรรถนะบนถนนหลวงได้ดี เงียบไม่มีเสียงดัง ประหยัดน้ำมัน และเกาะถนนได้ดีที่สุด
  โครงสร้างของยาง HT ไม่มีอะไรซับซ้อนไปกว่ายางเรเดียลทั่วไป จึงสามารถใช้งานความเร็วสูงได้ดี เพราะโครงสร้างของยางเป็นแบบไม่มีความร้อนสะสมมากนัก แต่ไม่เหมาะกับการบรรทุกหนักมาก หรือเอาไปขับลุยพื้นที่วิบาก เพราะนอกจากดอกยางนอกจากไม่เหมาะสมแล้ว แก้มยางยังอาจฉีกขาดเสียหายได้

- ยาง AT (all terrain) รถที่เหมาะสมกับยางประเภทนี้ควรจะใช้ลุยทางออฟโรดประมาณ 20% ของเส้นทางในแต่ละวัน กระนั้นถ้าคุณมีขับรถไปเที่ยวป่าเขาครั้งใหญ่บ้างก็ถือว่าคุ้มค่ากับการใช้ยางแบบนี้เช่นกัน
  โครงสร้างของยางชนิดนี้แข็งแรงกว่าแบบ HT อย่างมาก สามารถใช้ลุยได้พอสมควร ใช้งานบนทางหลวงก็ไม่น่าเกลียดหรือส่งเสียงดังมากนัก ทำให้ได้รับความนิยมในหมู่คนขับรถ 4x4 อย่างมาก
  ด้วยเหตุนี้ปัจจุบันจึงมีการผลิตยาง AT ออกมาให้เลือกหลายรุ่น ซึ่งจะแตกต่างกันไปทั้งหน้ายาง, ดอกยาง, จำนวนชั้นผ้าใบและใยเหล็ก หากจำนวนชั้นมากขึ้นจะทำให้สมรรถนะการลุยและความทนทานเพิ่มขึ้น แต่ก็สวนทางกับความนุ่มนวลที่ลดลง พร้อมกับสมรรถนะในการใช้งานความเร็วสูงก็ลดลงด้วย

- ยาง MT (mud terrain) มีจุดเด่นที่ดอกยางโตเป็นบั้งใหญ่ โครงสร้างแข็งแกร่งกว่ายางทั้ง 2 ชนิด อีกทั้งความหนาของแก้มยางและดอกยางก็มากกว่า แน่นอนว่าความอ่อนนุ่มไม่ต้องพูดถึงกัน ไม่สามารถหาได้อย่างแน่นอน

  ขณะที่การเกาะถนนบนทางหลวงก็ไม่ดีเท่า 2 แบบแรก เพราะยางชนิดนี้ถูกออกแบบไว้ให้ใช้กับทางทุรกันดารเป็นหลัก และยิ่งดอกยางใหญ่ขึ้นเท่าไหร่ เสียงรบกวนจากการบิดตัวของดอกยางบนทางหลวงก็ยิ่งดังมากขึ้นเท่านั้น


ติดตามข่าวสารล่าสุดก่อนใคร ได้ที่  WeeklyNews  

ความคิดเห็น